วันจันทร์ที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2556

โลหิตระดูมาผิดปกติเป็นลิ่ม เป็นก้อน และตกค้างอยู่ภายใน

ชื่อ ภัทธิรา งามสว่าง
อายุ 30 ปี 162/3 ถ สีลม  บางรัก กทม.

เมื่อ พ. ศ. 2546 เกิดอาการรอบเดือนมาขัด คือ มา 1 วันลักษณะเป็นเลือดแห้งๆแล้วก็หายไปจนครบรอบเดือน 28 วันของเดือนต่อไปก็จะเป็นแบบนี้อยู่เรื่อยๆ จนบางเดือนก็มา2 วันแต่ก็มีอาการปวดหัว ปวดท้องมาก เลือดออกมาลักษณะเลือดสีดำเป็นลิ่มเป็นก้อน มีกลิ่นคาวจัด ร่างกายอ่อนเพลียมากๆ หน้าซีด เวลาเดินรู้สึกหนักหน้าท้องมาก เหมือนคนอุ่มท้อง คลำท้องดูรู้สึกว่ามีก้อนอะไรแปลกๆ จนทนไม่ไหว ได้ไปพบหมอโรงพยาบาลเอกชน  คุณหมอจับทำ อูตาชาว์ แล้วพบว่ามีก้อนเลือดในมดลูกกำลังจะเน่า  จำเป็นต้องผ่าตัดออก ตัวเองมีความรู้สึกว่ากลัวมากเรื่องนี้ จึงเกิดอาการเคลียดมาก นอนไม่หลับเลย  รอบเดือนก็ยังมาลักษณะนี้เหมือนเดิม 
แต่ก็ได้นัดหมอเพื่อทำการผ่าตัดต่อไป

จนมาวันหนึ่งไปเดินเล่นงานสมุนไพรแห่งชาติ ชึ่งจัดโดยกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทย กระทรวงสาธรณะสุข  ได้ไปพบทีมงานคุณหมอติ่งที่มาออกร้านในงาน
ได้ตรวจ ธาตุเจ้าเรือนและปรึกษาปัญหาดังกล่าวที่เป็น มาตลอดปี 46 ว่าจะทำอย่างไรดี  จนได้ข่าวดีแนะนำให้มาพบคุณหมอติ่งที่งานสมุนไพร  เมืองทองธานี โชคดีมากที่คุณหมอติ่งแนะนำให้ทานยานารีเกษม 1 และ นารีเกษม 2 บำรุงเลือด ขอบคุณมากที่คุณหมอติ่งแนะนำให้ทานยานารีเกษม 1 และ นารีเกษม 2 บำรุงเลือด ครั้งแรกคุณหมอติ่งแนะว่าต้องทานก่อนอาหาร 2 เม็ด 3เวลา ทุกวันและก่อนนอน ทานมาได้ประมาณ 5 วันแรกก็รู้สึกว่ามันใกล้วันผ่าตัดแล้ว ก็เลยตัดสินใจเองทานยาอย่างละ 3 เม็ด 4 เวลาเลยไหน ๆ ก็ไหน ๆแล้ว   คิดว่าถ้าบุญดีก็ขอให้ตัวเองได้หายจากยาไทยในครั้งนี้ ด้วยการตั้งใจทานยา 3 เม็ด 4 เวลาที่ได้ตั้งใจไว้ทานได้ประมาณ  3 อาทิตย์ได้  อาการเบื้องต้น ปวดหัว ปวดท้อง  ร่างกายที่อ่อนเพลียก็หายไปและรู้สึกดีขึ้น ทานยามาถึงเดือนที่ 2 มีอาการรอบเดือนมาเป็นลิ่ม ๆ ก้อนใหญ่ เลือดออกสีดำมาก  แต่ทานยาไทยต้องตั้งใจทานยาจริง ๆ นะคะ อย่างน้อยตรงต่อเวลา  การดื่มน้ำ ต้องดื่มน้ำอุ่นค่อนข้างร้อนให้มาก ๆ พักผ่อน รวมไปถึงความประพฤติของคนไข้เองสำคัญนะคะ  สรุปคุณหมอติ่งรักษาคนไข้จ่ายยา และคำแนะนำ 50 เปอร์เซนต์ และคนไข้เองต้องทำตามรวมถึงการปฏิบัติตัวด้วยนะคะ  จากนั้นทานยาคุณหมอติ่งอย่างต่อเนื่องประมาณ 3-4 เดือน   ก็ได้กลับไปพบหมอที่โรงพยาบาลอีกครั้ง ตรวจพบว่าอาการต่าง ๆ ดีขึ้นไม่ต้องผ่าตัดอีกและก็ทานยาไทยของคุณหมอติ่งนี้มาโดยตลอด  รอบเดือนมาปกติดี สุขภาพแข็งแรงจนถึงทุกวันนี้ สอบถามได้โดยตรง   pat 086-514-4559

ยาสมุนไพรไทยคุณหมอติ่งไม่มีสเตียร์ลอย มีแต่ความจริงใจ

สามารถฝากชีวิตไว้ได้เลยค่ะ

มะเร็งลำไส้ระยะสุดท้าย

ผู้ป่วยชื่อ   นายสุรพล ผลประทุม  อายุ 54 ปี 
อยู่บ้านเลขที่ 123 ม.9  ต. ตากแดด  อ.เมือง จ.ชุมพร

 เมื่อต้นปี พ.ศ. 2553 ได้ตรวจพบว่าเป็นมะเร็งลำไส้ระยะสุดท้าย เซลล์มะเร็งได้ลุกลามไปที่ตับ แพทย์ไม่สามารถรักษาด้วยการทำผ่าตัด  หรือให้เคมีบำบัดได้ สภาพร่างกายของผู้ป่วยทรุดโทรมมาก รับประทานอาหารไม่ได้ ร่างกายซูบผอม ช่วยเหลือตัวเองได้น้อย.... แพทย์ได้รักษา แบบประคับประคอง และแจ้งให้ญาติทราบว่าผู้ป่วยอาจอยู่ได้ไม่เกิน  เดือน ชีวิตสิ้นหวังมาก...
จนญาติได้พบกับ เรื่องราวชีวิตของคุณหมอติ่ง จากการดูรายการทางโทรทัศน์ ญาติได้ติดต่อคุยกับคุณหมอทางโทรศัพท์และได้ตัดสินใจรักษาผู้ป่วยกับคุณหมอ หลังจากการรักษาด้วยสมุนไพรไทย ได้ประมาณ สัปดาห์ ผู้ป่วยมีอาการดีขึ้นมาก แข็งแรงขึ้น  และได้เข้ารับการรักษากับแพทย์ที่โรงพยาบาลอีกครั้ง โดยแพทย์ได้ตรวจพบว่า   อาการของผู้ป่วยนั้นดีขึ้นมาก  จึงได้เริ่มให้การรักษาแบบเคมีบำบัด
ได้รับเคมีบำบัด 2สัปดาห์/ ครั้ง โดยให้ยาครั้งละ 3 วัน) ในขณะที่ให้เคมีบำบัด ผู้ป่วยมีสภาพร่างกายแข็งแรงดีตลอด ไม่มีอาการซีดเพลีย ไม่มีอาการผมร่วง น้ำหนักเพิ่มขึ้น (แพทย์เจาะเลือดตรวจทุกครั้งที่ให้เคมีบำบัด  โดยผลเลือดเป็นปกติดีตลอด )

เมื่อเดือน มกราคม 2554  แพทย์ได้ตรวจ X-Ray โดยคอมพิวเตอร์อีกครั้ง ไม่พบว่ามีการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็งเพิ่มขึ้น ผลเลือดปกติ ผู้ป่วยมีสุขภาพร่างกายแข็งแรงขึ้นมาก น้ำหนักเพิ่มขึ้นจากเดิมถึง 7 กิโลกรัม

สะเก็ดเงิน


ด.ญ.มิ่งขวัญ ศรีวัฒนาเมฆินทร์ อายุ 10 ปี

ในวันที่ 15 มิถุนายน 2554 เป็นวันแรกที่หนูรู้ตัวว่าเป็นสะเก็ดเงิน ตอนแรกแม่พาไปหาหมอแพทย์แผนปัจจุบันได้ยามาทา ในตอนแรกที่ทายาผื่นก็ยุบลงไป แต่ต่อมาก็ผุดขึ้นมาในที่เดิมอีกและผุดมากขึ้น คุณแม่หนูได้ทำการศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับการเกิดโรคและวิธีการรักษาโรคนี้มาก คุณแม่คิดว่าจะพาไปหาหมอแพทย์แผนไทย  แต่ไม่รู้ว่าจะพาไปที่ไหนดี จนประมาณเดือนกรกฎาคม 54  คุณหมอวิจิตรมาเปิดบูธสมุนไพรไทยในงานโครงการชีววิถีที่ กฟผ.  คุณแม่ได้สอบถามวิธีการรักษาและลองซื้อยามาทาดู   คุณแม่เลยคิดว่าจะพามาหาคุณหมอวิจิตร  
วันที่ 12 สิงหาคม 2554  เป็นวันแรกที่คุณแม่พามาหาคุณหมอวิจิตร และคุณหมอติ่ง ที่รามคำแหงซอย 4 หนูได้รับยาสมุนไพรไทยทั้งยาทาและยากิน    พร้อมทั้งให้งดของแสลง  ซึ่งมีเยอะมาก  หนูรู้สึกทรมานจากโรคนี้มากเพราะผื่นนูนแดงขึ้นเต็มตัวและคันไปหมด    ไปไหนก็จะมีแต่คนถามและบางคนก็แสดงท่ารังเกียจ  ทั้งๆที่โรคนี้ไม่เป็นโรคติดต่อ รวมทั้งหนูต้องหักห้ามใจไม่ให้กินของแสลงต่างๆ ซึ่งเคยเป็นของอร่อยสำหรับหนู   หนูได้รับคำแนะนำให้ออกกำลังกายทุกวัน สวดมนต์แผ่เมตตา  นั่งสมาธิ  เดินจงกรม  ทำบุญใส่บาตรอุทิศส่วนบุญกุศลให้เจ้ากรรมนายเวรตามวิถีแห่งพุทธศาสนา  ซึ่งหนูได้ลองปฏิบัติทั้งหมด   หลังจากใช้เวลาประมาณ 4 เดือนในการรักษาด้วยสมุนไพรกับคุณหมอวิจิตร+คุณหมอติ่งและดำเนินชีวิตตามวิถีแห่งพุทธ  หนูก็ดีขึ้นเหลือเพียงรอยด่าง ซึ่งค่อย ๆจางลงไป    หนูขอขอบคุณในภูมิปัญญาแพทย์แผนไทย  สมุนไพรไทย ซึ่งเป็นมรดกชาติไทยค่ะ




ล้างพิษตับ และ กำจัดนิ่วในถุงน้ำดี ด้วยการแพทย์แผนไทย วิธีการของหมอติ่ง


สมมุติฐาน คนเราเมื่อเดินทางเลยหลักสี่ไปแล้ว ย่อมผ่านด่านสารพิษมามากมาย ทางการหายใจ อาหารการกิน ร่างการอันแสนมหัศจรรย์ของเราพยายามกำจัดสารพิษที่แปลกปลอมเข้าไปให้หมดสิ้น ที่ขับออกนอกร่างกายได้ก็ขับ ที่ตกค้างอยู่ ร่างกายที่รักของเราไม่ยอมให้มันออกไปเพ่นพ่านในกระแสเลือด จึงเก็บสะสมไว้ในส่วนต่างๆของร่างกาย ส่วนหนึ่งที่ได้ยินกันบ่อย คือ นิ่ว ในกระเพาะปัสสาวะบ้าง ในตับบ้าง ในไตบ้าง ต้องเอามันออกมา หมอติ่งของเรา บอกว่าขอให้เรารักร่างกายของเราให้มากๆและต้องรู้จักตอบแทนบุญคุณต่อร่างกายเรา
วิธีการของหมอติ่ง ขอให้แฟนคลับโทรไปปรึกษาหารือกันเองนะครับ บอกไปเดี๋ยวเพี้ยน
แต่หลักใหญ่ๆก็คือ ลดกากอาหารในระบบลำไส้เล็ก ใหญ่ (ดื่มน้ำเปล่า น้ำผลไม้ อาหารอ่อนๆ) รุสรรพโรคที่อยู่ในร่างกาย(ใช้ยารุสรรพโรคของหมอติ่ง เป็นยาต้ม) เพิ่มแรงบีบรัดตัวของลำไส้ ถุงน้ำดีและล้างพิษในตับ(ใช้ยาล้างพิษตับของหมอติ่ง เป็นยาต้ม) รวมเวลา 2 วัน ครึ่ง เราก็จะเห็นหน้าตาของก้อนไขมัน ที่เรียกว่านิ่ว ที่หลบสงบนิ่งในตัวเรามาช้านาน แล้วจะได้ธรรมะ อีกข้อหนึ่งว่า ภายในสกลกายของเรานี้เต็มไปด้วยสิ่งปฏิกูล แหมพิถีพิถันจองที่เลี้ยงฉลองวันเกิด ทานอาหารแสนอร่อย ราคาแพงระยับ ในร้านสุดหรูริมแม่น้ำเจ้าพระยา เรารับรู้รสชาติจากปลายลิ้นถึงโคนลิ้นเท่านั้นเอง ล่วงลงลำคอไปแล้วไม่รับรู้รสอะไรเลยไม่ว่าอาหารจานนั้นจะเลิศรสสักเพียงใด ดูคนป่วยที่เจาะลำคอให้อาหารเถอะครับ
หน้าตาของก้อนนิ่ว จากตัวผมครับ
ส่วนใหญ่คล้ายเมล็ดถั่วเขียว ลอยน้ำ ก้อนใหญ่ขนาดเท่าก้อนหินเล็กๆ มีเมือกไขมันหุ้มอยู่ต้องค่อยๆใช้น้ำฉีดล้างออก (ภาวนาอสุภไปด้วย เป็นการฝึกจิตไปในตัว...นึกในใจเอาเองขณะนั้นว่า ของเราๆๆๆๆ ถ้าเราไม่ทำเองใครที่ไหนจะมาทำให้เรา....วะ.) ดูไปคล้ายก้อนมณีสีนิล มีลักษณะหยุ่นๆ ถ้าบี้จะแตกเป็นชิ้นๆ



เริ่ม ศุกร์ 14 ก.ย. จบ อาทิตย์ 16 ก.ย. 10.00 น.

ทางเดินปัสสาวะอักเสบเรื้อรัง

ผู้ป่วยชื่อ   Mrs. Carol Daranovich อายุ 63 ปี
อยู่ที่          New York, U.S.A.

          ผู้ป่วยป่วยด้วยโรคทางเดินปัสสาวะอักเสบเรื้อรังมานานกว่า  10  ปี
ได้รับการผ่าตัดแล้ว แต่อาการไม่ดีขึ้นเลย ไม่สามารถออกกำลังกายด้วยการว่ายน้ำได้ เพราะเมื่อขึ้นจากน้ำ จะเกิดอาการอักเสบ  เป็นไข้  ต้องทานยาปฏิชีวนะบ่อยครั้ง ติดต่อกันหลายปี  
      ผู้ป่วยมีเพื่อนเป็นคนไทย และเป็นเพื่อนกับหมอติ่ง เพื่อนได้แนะนำให้ลองใช้ยาสมุนไพรไทย ผู้ป่วยตกลง เพราะไม่มีทางเลือก
อื่นแล้ว
        หมอติ่ง ได้ปรุงยาสมุนไพรบรรจุอยู่ในรูปซองชา ให้ไปจำนวน 100 ซอง เพื่อให้ชงดื่มต่างน้ำทั้งวัน วันละ ซอง
        หลังจากนั้น ได้สอบถามอาการ ผลปรากฏว่า ผู้ป่วยหายจากโรคทางเดินปัสสาวะอักเสบเรื้อรังดังกล่าว สามารถลงว่ายน้ำได้ เมื่อขึ้นจากน้ำก็ไม่มีอาการอักเสบ และเป็นไข้ อีกเลย
ผู้ป่วยได้กลับมามีชีวิตเป็นปกติ  (I have my life back)

        ผู้ป่วยบอกว่า  “You save my life”        

เนื้องอกในมดลูก

น.ส. วิไลพร สีหมอก อายุ 45 ปี

เมื่อ  3  ปีที่แล้ว แพทย์ตรวจพบเนื้องอกในมดลูก (Chocolate cyst) เนื่องจากประจำเดือนมามากผิดปกติ และปวดท้องมาก แพทย์ที่โรงพยาบาลแนะนำให้ตัดมดลูก  แต่ผู้ป่วยไม่ยินยอม แพทย์จึงขูดมดลูกให้ 
เมื่อได้พบกับหมอติ่ง (แพทย์แผนไทย) 29 ก.ย. 2552 ได้รับการรักษาโดยใช้ยาสมุนไพร หลังจากทานยาสมุนไพรได้เดือน จึงไปพบแพทย์เพื่อตรวจภายในโดยทำอุลตร้าซาวด์ ผลปรากฏว่า เนื้องอก  มีขนาดลดลง  ผู้ป่วยจึงทานยาสมุนไพรต่ออย่างสม่ำเสมอ

ล่าสุดเมื่อปลายปี 2553 แพทย์ตรวจไม่พบ เนื้องอกดังกล่าว และไม่ปรากฏอาการปวดท้องก่อนมีประจำเดือนอีกเลย  จนถึงทุกวันนี้.

แด่เพื่อนร่วมโรค...


ดิฉัน ภิรตา จิรวัชราธิกุล  เคยป่วยด้วยโรคมะเร็งเต้านมด้านซ้าย ต้องพูดเช่นนี้เพราะว่าตลอดเวลา 6 ปี ที่ผ่านมาดิฉันพยายามดูแลสุขภาพไม่ให้มะเร็งหวนกลับคืนมา โดยทุกปี ปีละ 1 ครั้ง ต้องไปตรวจสุขภาพอย่างละเอียดด้วยวิธีเมมโมแกรม  อัลตราซาวด์  เจาะเลือด และพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ  ก็รอดตัวมาได้เข้าปีที่ 13   ชีวิตมีลุ้น  มีความสุข สบายดี  หลายคนถามหลายครั้งว่าดูแลตนเองอย่างไร  ก็ขอเรียนให้ทราบกัน ณ ที่นี้ เลยนะคะว่า  ดิฉันใช้ทฤษฎีแพทย์แผนไทยที่ได้เรียนมากำกับดูแลตนเอง  คือ เป็นองค์รวม ทั้งกาย + จิต  และสิ่งแวดล้อม  เป็นหลัก 3 ประการของวิชาธรรมานามัย คือ
กายานามัย  คือ ป้องกันก่อนป่วย เมื่ออายุเกิน 30 ปีขึ้นไป ในทางการแพทย์แผนไทย ถือว่า เข้าสู่ปัจฉิมวัย  พูดง่าย ๆ ก็คือแก่แล้ว ธาตุทั้ง 4 เริ่มเสื่อม จำเป็นต้องดำรงชีวิตด้วยความไม่ประมาท ต้องบำรุงชีวิตด้วยอาหาร กินอย่างมีสติ  กินอย่างพอดี  กินให้ถูกกับธาตุแห่งตน ใช้หลักมัชฌิมาปฏิปทา ในการกินตามทฤษฎีการแพทย์แผนไทย คือ กินให้หลากหลายในรสชาติ
จิตตานามัย  เป็นเรื่องการฝึกจิตโดยใช้การนั่งสมาธิ  สวดมนต์ แผ่เมตตา เพื่อให้จิตเข้มแข็ง จิตมีพลัง  เกิดความสุขสบาย จะทำให้ความต้านทานโรคดีขึ้น 
 ชีวิตานามัย  คือ  การดำเนินชีวิตชอบ ด้วยทางสายกลาง มีอาชีพสุจริต  นอกจากนี้ยังรวมถึงการทำชีวิตให้อยู่ในธรรมชาติชอบ คือ การปรับธาตุ 4 ภายนอก  สร้างสิ่งแวดล้อมที่ดีงาม ด้วยการปลูกต้นไม้...อยู่ท่ามกลางบรรยากาศร่มรื่น สงบ เย็น


คำสัมภาษณ์ลงวารสารหญิงไทย ต.ค. 2553


         พี่ได้ใช้ทฤษฎีการแพทย์แผนไทยในการกำกับดูแลชีวิต  คือ ทานปลาเป็นหลัก  ทานผักเป็นพื้น  ทานผลไม้ตามฤดูกาลที่ไม่หวานจัด  ดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อยวันละ 2 ลิตร  ทานธัญพืชถั่ว งา ทั้งหลาย   ออกกำลังกายโดยการฝึกโยคะและยกน้ำหนักเบา ๆ ทุกเช้า  ถ่ายอุจจาระทุกเช้า
นอนหลับลึกทุกวัน   ปรากฏว่าสุขภาพดีวันดีคืน  เหมือนตายแล้วเกิดใหม่...
เพื่อนที่สมัยทำงานด้วยกัน จากกันมาหลายปี  มาพบพี่บอกว่าพี่ดูดีกว่าตอนทำงานเสียอีก
ดูดีในวัยอายุเลข 5 จะเข้าเลข 6  พี่เลยคุยซะเลีย ว่าพี่เป็นนางงามตำแหน่ง “Miss Forever Young” แสดงว่าการดูแลชีวิตของเราได้ผลดีค่ะ

             เมื่อพี่รอดตาย ยังมีชีวิตอยู่อย่างดี  พี่ก็อุทิศชีวิตนี้ดูแลญาติมิตรทั้งหลายด้วยการออกบรรยายให้ความรู้ในการดูแลสุขภาพด้วยทฤษฎีการแพทย์แผนไทย สุขภาพดี วิถีไทย  และปรุงยารักษาโรคด้วยสมุนไพร เพราะการเป็นแพทย์แผนไทยเราต้องเป็นเภสัชกรด้วยในคน ๆ เดียวกัน  งานหนักมากค่ะ แต่ก็มีความสุขมาก  ทำให้เห็นคำว่า เพื่อนร่วมทุกข์ ชัดเจน  เพราะคนไข้ที่มาหาพี่ ล้วนแต่อาการหนัก ๆ ทั้งนั้น  เช่น  โรคมะเร็ง  เอดส์  สะเก็ดเงิน  เบาหวาน  ความดัน  ต่อมลูกโต  ฯ ล ฯ

              พี่เองเห็นบทบาทของสมุนไพรไทยอย่างลึกซึ้งและซาบซึ้ง เพราะใช้ได้ผลดีจริงกับชีวิตพี่ และคนไข้ทั้งหลาย  เพราะฉะนั้นถือว่าสมุนไพรไทยมีพระคุณต่อชีวิตพี่อย่างยิ่ง   และปัจจุบันคนไทยและคนทั้งหลายทั่วโลกต่างได้สำนึกถึงคุณประโยชน์อันวิเศษของสมุนไพร  เพราะธรรมชาติได้สร้างต้นไม้มา ไม่ใช่เพื่อเป็นอาหารสำหรับมนุษย์อย่างเดียว  ยังใช้เป็นยาสำหรับดูแลสุขภาพและรักษาโรคได้อีกด้วยค่ะ

               ที่พี่เลือกหัวข้อ กินอาหารเป็นยา  เพราะว่าอาหารใหม่ (อุทะริยัง) เป็นตัวการสำคัญในการคุ้มครองรักษาสังขารร่างกาย (ธาตุดิน)  เราต้องรู้และเข้าใจในการกินอาหารเป็นยาเพื่อป้องกันโรค เราจะไม่เป็นโรคที่เราสามารถป้องกันได้  เพราะการป้องกันถูกกว่าการรักษา..